การเผยแผ่อิสลาม (ดะอ์วะฮ์) ในบริบทสังคมไทย(ตอน1)

Last updated: 17 ก.ย. 2562  |  2232 จำนวนผู้เข้าชม  | 

การเผยแผ่อิสลาม (ดะอ์วะฮ์) ในบริบทสังคมไทย(ตอน1)

การเผยแผ่อิสลาม (ดะอ์วะฮ์) ในบริบทสังคมไทย(ตอน1)

ผศ.ดร.อับดุลเลาะ   หนุ่มสุข

รองประธานกรรมการอิสลาม กรุงเทพมหานคร

-          คุณมาจากไหน ?

-          มาจากไทยแลนด์

-          ปัตตานีใช่ไหม ?

-          ไม่ใช่ ผมมาจากกรุงเทพฯ (Bangkok) เป็นเมืองหลวงของประเทศ

-          มาชาอัลลอฮ ! ในกรุงเทพฯ มีมุสลิมมากไหม ?

-          มีหลายแสนคน ยังไม่มีผลสำรวจที่เป็นทางการ แต่ผมคิดว่ามีเกือบหนึ่งล้านคน

-          มาชาอัลลอฮ  !  แล้วการดะอ์วะห์อิสลามในประเทศไทยเป็นอย่างไรบ้าง? 

·        มีมัสยิดเกือบ 4,000 แห่งกระจายอยู่ในทั่วทุกภาค แต่ส่วนใหญ่อยู่ทางภาคใต้

·        มีโรงเรียนสอนศาสนาเป็นหมื่นแห่ง

·        มีธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เป็นรัฐวิสาหกิจ

·        มีทีวีมุสลิม 24 ชั่วโมง

·        มีรายการวิทยุมุสลิม หลายสิบสถานี

·        มีวารสาร หนังสือพิมพ์ และจุลสารเกี่ยวกับอิสลาม และมุสลิมออกเป็นรายปี  รายเดือน รายสองเดือน สามเดือน รายปักษ์ และออกในวาระต่างๆ

·        มีหนังสือเกี่ยวกับอิสลามตีพิมพ์ และเผยแพร่จากสำนักต่างๆมากมาย ส่วนหนึ่งเป็นหนังสือที่แปลจากภาษาต่างประเทศ เช่นภาษาอาหรับ และภาษาอังกฤษ

·        มีงานแปลอัลกุรอานเป็นภาษาไทยมากกว่า 5 ชิ้น หนึ่งในนั้นเป็นงานแปลที่ตีพิมพ์ และเผยแพร่ในราชูปถัมภ์ของพระมหากษัตริย์ไทย และอีกหนึ่งชิ้นตีพิมพ์ และเผยแพร่โดยศูนย์กษัตริย์ฟาฮัด เพื่อเป็นการพิมพ์ และเผยแพร่อัลกุรอาน นครมาดีนะฮ์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย

·        มีการจัดประชุม สัมมนา อภิปราย บรรยาย เกี่ยวกับอิสลามอย่างอิสระเสรี และเปิดเผย ตามมัสยิด โรงเรียน สมาคม มูลนิธิ และศูนย์กลางต่างๆทั่วประเทศ

·        และที่สำคัญก็คือมีกฎหมายพระราชบัญญัติเกี่ยวกับการบริหารองค์กรศาสนาอิสลา และพระราชบัญญัติเกี่ยวกับกิจการฮัจย์ มีจุฬาราชมนตรี (ชัยคุลอิสลาม ฟี ไทยแลนด์)  เป็นผู้นำสูงสุดของมุสลิม

ข้อมูลข้างต้นนี้เป็นข้อมูลที่ผมมักจะใช้ในการสนทนา และตอบคำถามเพื่อนต่างชาติ ที่ถามเกี่ยวกับมุสลิมในประเทศไทย ข้อมูลที่คนต่างชาติทึ่ง และชื่นชม สภาพของมุสลิมในประเทศไทย ได้แก่ :

                                1. การมีเสรีภาพในการนับถือศาสนา การทำกิจกรรมเกี่ยวกับศาสนา และการเผยแพร่ศาสนา

                                2. การมีพระมหากษัตริย์ที่เป็นองค์อัครศาสนูปถัมภก สนพระทัยในศาสนาอิสลาม และอุปถัมภ์กิจการต่างๆของศาสนาตลอดมา

                                3. การมีธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย

                                4. การมีกฎหมายบัญญัติเกี่ยวกับการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม

                                5. การอำนวยความสะดวกจากฝ่ายรัฐ ในกิจการที่เกี่ยวกับการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจญ์ของมุสลิมในประเทศไทย

                                6. การมีศูนย์วิทยาศาสตร์อาหารฮาลาลแห่งแรกของโลกที่ได้มาตรฐาน ข้อนี้เป็นข้อมูลใหม่ที่เพิ่มเติมจากข้อมูลข้างต้น

                ทั้งหมดนี้เป็นภาพรวมของมุสลิมไทยที่คนต่างชาติชื่นชม และอิจฉา เนื่องจากมีมุสลิมในหลายประเทศทั้งประเทศที่มีมุสลิมเป็นชนกลุ่มน้อย และมุสลิมเป็นชนกลุ่มใหญ่ ไม่มีสิ่งเหล่านี้ (อัลฮัมดุลิลลาฮ์)

                ผมมักจะถือโอกาสอธิบายให้เพื่อนต่างชาติได้เข้าใจเกี่ยวกับประเทศไทยในหลายเรื่องที่เขาน่าจะรู้ เช่นผมบอกเขาว่าคุณทราบไหมว่าศาสนาพุทธในประเทศไทยนั้นไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อศาสนาอิสลาม มุสลิมกับพุทธศาสนิกชน สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างปกติสุข ยิ่งกว่านั้น ยังถือว่าคำสอนในศาสนาพุทธมีส่วนเอื้อต่อการดำรงอยู่ของมุสลิมอีกด้วย เนื่องจากในศาสนาพุทธมีคำสอนให้ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ให้มนุษย์มีความเมตตากรุณา ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน และไม่จองเวรต่อกัน และให้ละวางโดยไม่ยึดความเป็นอัตตา คำสอนเหล่านี้เป็นคำสอนที่เอื้อต่อการอยู่ร่วมกัน จึงปฏิเสธไม่ได้ว่ามุสลิมในประเทศไทยได้รับประโยชน์จากคำสอนเหล่านี้ พัฒนาการการดะอ์วะฮ์ของมุสลิมในประเทศไทย จึงเป็นพัฒนาการสีขาว (ไม่เปื้อนเลือด) และเป็นพัฒนาการที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง

                เคยมีนักปราชญ์ไทยที่เป็นชาวพุทธ ตั้งข้อสังเกตว่าในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า ประเทศไทยจะกลายเป็นประเทศที่มีมุสลิมเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ด้วยเหตุผลสามประการคือ :

                1. ศาสนาอิสลาม อนุญาตไห้มุสลิมมีภรรยาได้ถึง 4 คน

                2. เมื่อมุสลิมแต่งงานกับต่างศาสนิก ต่างศาสนิกจะต้องเปลี่ยนมาเข้ารับอิสลาม

                3. ศาสนาอิสลามไม่อนุญาตให้มีการคุมกำเนิด

                เหตุผลทั้งสามประการนี้เป็นเหตุผลที่น่าสนใจมาก ทั้งในแง่ของศาสนาและในแง่ของสังคมศาสตร์

                สำหรับเหตุผลข้อที่หนึ่ง อาจเป็นความเข้าใจของต่างศาสนิกส่วนใหญ่ที่มักเข้าใจว่าคนมุสลิมจะต้องมีภรรยามากกว่าหนึ่งคน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่ได้เป็นไปตามนั้น มุสลิมไทยที่มีภรรยามากกว่าหนึ่งคนในคราวเดียวกันมีจำนวนน้อยมาก ยิ่งมุสลิมไทยที่มีภรรยาในคราวเดียวกันสี่คนยิ่งหาแทบไม่พบ เรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริงที่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยการสำรวจชุมชนมุสลิมของมัสยิดต่างๆในประเทศไทย ซึ่งผมเชื่อจากสมมุติฐานเบื้องต้นว่าครอบครัวมุสลิมส่วนใหญ่ อาจจะถึงร้อยละ  99 % เป็นครอบครัวผัวเดียวเมียเดียว มีเพียงร้อยละ 1 % เท่านั้นที่ต่างออกไป อย่างไรก็ตามสิ่งที่มุสลิมจะต้องให้ความเข้าใจต่อต่างศาสนิกในเรื่องนี้ก็คือ การมีภรรยาหลายคนในอิสลามมิใช่เป็นบัญญัติที่คนมุสลิมจะต้องปฏิบัติ แต่เป็นสิทธิ์ของฝ่ายชายที่มีความพร้อมหรือมีความจำเป็น  เป็นสิทธิ์ที่ผูกโยงกับเรื่องหน้าที่ๆชายผู้เป็นสามีจะต้องปฏิบัติต่อภรรยาทุกคนด้วยความเป็นธรรม ซึ่งไม่ใช่เป็นเรื่องสนุก และไม่ใช่เป็นเรื่องง่าย อาจพูดได้ว่าเป็นเรื่องความสามารถเฉพาะตัว และเป็นภาวะที่ไม่ปกติก็เห็นจะได้  แต่ที่แน่ๆก็คือบัญญัตินี้มาจากพระผู้เป็นเจ้าเบื้องบนที่มุสลิมเชื่อว่าเป็นบัญญัติที่สามารถแก้ปัญหาสังคมมนุษย์ได้ ไม่ว่าบริบทของสังคมมนุษย์จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ตาม   ( มีต่อฉบับหน้า)

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้